::: เพลงเก่าและเพื่อนเก่าในควา
มทรงจำสีจาง :::
1.
ฉันนั่งรอรถเมล์ที่แยกพุทธมณฑลสายสี่เพื่อเข้ากรุงเทพฯเกือบชั่วโมง แต่ไม่มีวี่แววว่ารถสายที่ผ่านหอพักจะผ่านมา ขาดช่วงนานจนน่าแปลกใจ, สงสัยคงเป็นเพราะวันอาทิตย์
คนเราจะอดทนรออะไรบางอย่างได้นานแค่ไหนนะ, ฉันคิด
เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดเดินตามหน้าที่ไปเรื่อยๆจนใกล้สี่ทุ่ม เมื่อเส้นด้ายของความอดทนขาดผึง ฉันจึงโบกรถแท็กซี่ ฉันบอกจุดหมายให้โชเฟอร์แล้วนั่งเอนหลังพิงเบาะ ถือโอกาสบ่นให้พี่เขาฟังสองสามประโยคเรื่องรถเมล์ เขาก็โต้ตอบไปมาอย่างมีมารยาทประสาคนทำงานบริการ เมื่อความเงียบกั้นรั้วกันเราสองคนออกจากกัน ฉันจึงขอเพลง
“ขอฟังเพลงได้ไหมคะ รบกวนเปิดคลื่น 105.5”
พี่เขากุลีกุจอเปิดให้ ฉันกล่าวขอบคุณ และนั่งฟังเพลงคลื่นที่ฟังประจำเมื่อสมัยที่ยังมีเวลาว่างมากกว่านี้
2.
ตั้งแต่มีไฟล์ MP 3 ในสมาร์ตโฟนซึ่งล้วนเป็นเพลงเก่าที่ฉันชอบวนฟังซ้ำๆ จำไม่ได้แล้วว่าฉันฟังวิทยุครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ พอกลับมาฟังวันนี้ล้วนเป็นเพลงใหม่ที่ฉันไม่คุ้นหู อ้อ มีเพลง Sorry ของ Justin Bieber ที่เคยผ่านหูฉันมาบ้างทางยูทูบที่้พื่อนในลิสต์แชร์มาในเฟซบุ๊ก
ระหว่างนั่งฟังเพลงเก่าท่ามกลางเพลงใหม่ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่ห่างหายกันไปนาน, แวบแรกฉันรู้สึกดี
3.
บางครั้ง, เพื่อนเก่ากับเพลงเก่าก็คล้ายกันที่พอมีโอกาสได้เจอได้ฟังแบบไม่ได้ตั้งใจหรือนัดกันไว้มันคือเซอร์ไพรส์ของชีวิต
แต่ค่าที่ไม่ได้เจอกันนาน พอโลกเหวี่ยงให้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้งมันทั้งรู้สึกคุ้นเคยและห่างเหิน
กับเพื่อนเก่าบางคน, เราอาจตกใจ แปลกใจ หรือแม้กระทั่งดีใจในแวบแรกที่เห็นหน้า และทักทายกันตามมารยาท แต่ให้พูดคุยกันมันก็ไม่สนุกเหมือนเก่าแล้ว ความรู้สึกที่ตามมาคืออยากปลีกตัวออกไปจากตรงนั้นเร็วๆ
กับเพลงเก่าบางเพลง, ทำนองที่คุ้นหู และเนื้อร้องที่คุ้นปาก แต่เมื่อไม่ได้ฟังนานแล้ว เราทำได้เต็มที่คือแค่ฮัมคลอตามไปกับเพลง แต่ครั้นให้ร้องตั้งแต่ต้นจนจบกลับนึกเนื้อทั้งหมดไม่ออก ผลคือจำได้แบบกระท่อนกระแท่น ร้องแบบดำน้ำไปเสียอย่างนั้น
4.
คนบางคน เพลงบางเพลง เรื่องบางเรื่อง อยู่ในความทรงจำสีจางๆก็เพียงพอแล้ว…