หลังจากสอบถามข้อมูลจากห้อง BluePlanet เวบพันทิป ไปมากมาย
ในที่สุด ก็กลับมาอย่างมีความสุข
ถ่ายรูปเยอะมาก เพราะเวลาเหลือเฟือจริงๆ
เพิ่งรู้สึกว่านี่แหละ คือการเที่ยวจริง ๆ ไม่เหมือนทุกทีที่รีบซะเหลือเกิน
จนแทบมองไม่เห็นธรรมชาติรอบตัว
ทริปนี้เริ่มต้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2008
รุ่งสางที่สนามบินเชียงใหม่ รอรับเพื่อนกรุ๊ปแรก ที่จะมาร่วมเที่ยว
แสงแรกของเชียงใหม่สวยดีค่ะ
สองวันแรก เขาพาเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์มาก ๆ
เริ่มกันที่น้ำพุเดือด เดือดจริงๆ ซะด้วย
ร่มเงาไม้ใหญ่ ที่ห้วยน้ำดัง
ตกกลางคืน ก็ต้องถนนคนเดิน
ทัวร์ที่ไหน ๆ ก็ต้องพามาปล่อยที่นี่แหงๆ
ร้านไหน ๆ คนก็แน่น
มืดค่ำ ก็ไม่มีใครอยากนอนกันเนอะ
สะพานประวัติศาสตร์
มีหนูน้อยในชุดโดเรมอนมาเดินฝ่าแดดชมสะพานด้วย
จุดชมวิว กิ่วลม ฟ้าสวยชะมัด
เก้าอี้ที่ใคร ๆ ก็ไปแย่งกันนั่งถ่ายรูป ตอนนี้…ว่าง แต่เราไม่ยักอยากนั่ง ^_^
จบจากคณะทัวร์กลุ่มแรก แยกย้ายกันในเช้าวันที่ 29
ก่อนไปปักหลักที่เต้นท์หมายเลข 13
ณ พริบตา บูติก รีสอร์ท
ตื่นเช้าเปิดประตูเต้นท์มา ก็เห็นยังงี้แหละค่ะ
ดีใจมาก ๆ ที่ได้หนังสือเล่มนนี้มาจากถนนคนเดินในปาย
On The Way หนังสือรวมหลากหลายอารมณ์การเดินทางของหลายคน
อ่านแล้วอึ้ง ๆ เจอคำว่า “ความฝัน” กับ “ความเป็นจริง”
ที่เขียนไว้ในประเด็นโดน ๆ เยอะมาก
นอนอ่านหนังสือจบเล่ม ก็เย็นพอดี เดินมานั่งรอรถตู้รีสอร์ทพาไปส่งในเมือง
กะว่าจะไปเดินหาหนังสือแบบนี้อีกซักเล่มที่ถนนสายเดิม
ระหว่างรอ ก็เลยเก็บภาพพระอาทิตย์ตกที่ห้องอาหารของรีสอร์ทไปเรื่อยๆ
โรแมนติคจัง เสียดายไม่มีใครนั่งข้าง ๆ …
นั่งถ่ายรูปจนแสงหมด พระจันทร์ขึ้น
พอมืด ก็เริ่มหนาว ไม่ไหวล่ะ คงต้องหนี
ตื่นเช้ามาอีกที ก็มีแต่หมอกกับน้ำค้าง
เฮ้อ…ไม่อยากไปไหนเลย
สองวันสองคืน
Alone in Pai ผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ
พิสูจน์ได้อย่างหนึ่งละว่า อยู่คนเดียว ก็มีความสุขได้…
เต้นท์กว้างมาก ๆค่ะ วางฟูกเต็ม ๆ คงได้ 4 ฟูก
แต่มาคนเดียวเขาเลยขอเก็บฟูกออกไป เหลือแค่ฟูกเดียวโดดๆ
ดีว่าขอผ้านวมกับหมอนไว้ กันเหงา
และแล้วก็เก็บของมานั่งจิบชา เขียนบันทึก ที่โต๊ะเดิม ตรงห้องอาหาร
นานมาก ๆ ที่ไมได้เขียนไดอารี่ ด้วยลายมือ…